วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Learning Log Passive


ในการแต่งประโยคโดยทั่วไปนั้นจะอยู่ในรูปแบบของประธานเป็นผู้กระทำ หรือเรียกอีกอย่างว่า “active” และในอีกรูปแบบหนึ่งคือประธานเป็นผู้ถูกกระทำ รูปแบบของประโยคในแบบนี้เรียกว่า “passive” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเราจะนิยมเขียนประโยคแบบแรกคือ “active” แต่ในบทความนี้จะเป็นการกล่าวถึงการแต่งประโยคแบบ “passive”
                ประโยคแบบ “passive” ก็ดัดแปลงมาจาก ประโยคแบบ “active” โดยรูปแบบของประโยคก็มีด้วยกัน 12 แบบ ดังนี้
1)            Present Simple Tense = S + is/am/are + V.3
2)            Present Continuous Tense = S + is/am/are + being + V.3
3)            Present Perfect Tense = S + have/has + been + V.3
4)            Present Perfect Continuous Tense = S + have/has + been +being + V.3
5)            Past Simple Tense = S + was/were + V.3
6)            Past Continuous Tense = S + was/were + being +V.3
7)            Past Perfect Tense = S + had + been + V.3
😎           Past Perfect Continuous Tense = S + had + been + being + V.3
9)            Future Simple Tense = S + will + be + V.3
10)          Future Continuous Tense = S + will + being + V.3
11)          Future Perfect Tense = S + will + have/has + been + V.3
12)          Future Perfect Continuous Tense = S + will + have/has + been + being + V.3
จากรูปแบบประโยคข้างต้นนี้เมื่อนำมาแต่งประโยคแล้วจะมีคำบุพบทอยู่ก่อนผู้กระทำ เช่น
Mary helped Mark. = Mark is helped by Mary.
                ในการแต่งประโยคในรูปแบบของ “passive” นั้น หลายคนอาจจะมองว่ามันยาก แต่ถ้าเรามีความชำนาญก็จะทำให้เราเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น โดยการศึกษารูปแบบของประโยคตั้งแต่ active และpassive ควบคู่กันไป หลังจากนั้นก็ควรฝึกแต่งประโยคด้วยตนเอง จนเกิดความเข้าใจและลองทำแบบฝึกหัด เพื่อทำให้เราเกิดความชำนาญและเราต้องทำความเข้าใจความหมายของประโยคไปในตัวด้วย เพื่อที่เราจะสามารถแปลงประโยคได้ถูกต้องตามสถานการณ์

                จากที่ดิฉันได้ศึกษา ความรู้ที่ได้คือ การแปลงประโยคจาก “ active “ เป็น “passive” ซึ่งเป็นการทบทวนอีกครั้ง ทำให้เกิดความแม่นยำเพิ่มขึ้นในการนำไปใช้ในการเรียนการสอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น