ในชีวิตประจำวันของเรานั้น
เราจะสื่อสารกันโดยการพูดคุย ซึ่งในการสื่อสารของคนเรานั้น
จะเป็นการสื่อสารกันที่ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารผ่านคนด้วยกันโดยตรง
หรือผ่านสื่อเทคโนโลยีต่างๆ และไม่ว่าเราสื่อสารผ่านทางใด
เราก็ต้องสื่อสารด้วยภาษา ภาษาในที่นี้ได้แก่ ภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาอ่าน เป็นต้น
ดังนั้นเราก็ล้วนจะต้องสื่อสารผ่านตัวอักษรทั้งนั้น ซึ่งในที่นี้เราเรียกว่า
การถ่ายทอดตัวอักษร
การถ่ายทอดตัวอักษร
หมายถึง
การนำคำในภาษาหนึ่งมาเขียนด้วยตัวอักษรของอีกภาษาหนึ่งโดยพยายามให้การเขียนในภาษาใหม่นี้ถ่ายทอด
“เสียง” ของคำในภาษาเดิมให้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้
การถ่ายทอดตัวอักษรมีบทบาทในการแปลจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งในกรณีดังต่อไปนี้
1. เมื่อในภาษาต้นฉบับมีคำที่ใช้แทนชื่อเฉพาะของสิ่งต่างๆ
เช่น ชื่อคน ชื่อสถานที่ ชื่อแม่น้ำ ชื่อภูเขา หรือชื่อสถาบันต่างๆ
2. เมื่อคำในภาษาต้นฉบับมีความหมายอ้างอิงถึงสิ่งที่เป็นรูปธรรม
หรือนามธรรมที่ไม่มีในสังคมของภาษาฉบับแปลจึงไม่มีคำเทียบเคียงให้ เช่น
คำที่ใช้เรียกต้นไม้ สัตว์ และกิจกรรมบางชนิด
ความคิดบางประเภทซึ่งมีในภาษาอังกฤษแต่ไม่มีในภาษาไทย เนื่องจากยังไม่มีการบัญญัติศัพท์ขึ้น
ในกรณีเช่นนี้ผู้แปลอาจแก้ปัญหาได้สองประการ คือ 1)
ใช้วิธีให้คำนิยามหรือคำอธิบายที่บอกลักษณะตรงกับคำเดิมนั้น 2) ใช้ทับศัพท์
ตัวอย่าง
เช่นคำ “internet” ซึ่งเมื่อถ่ายทอดเป็นภาษาไทยอาจทำได้โดยให้คำนิยามว่า
“เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงระหว่างองค์กรต่างๆ” หรือใช้ทับศัพท์ว่า
“อินเตอร์เน็ต”
ในการทำดังนี้ผู้แปลควรยึดหลักปฏิบัติในการถ่ายทอดเสียงของคำดังต่อไปนี้
1. ให้อ่านคำนั้นเพื่อให้รู้ว่าคำนั้นออกเสียงอย่างไร
ประกอบด้วยเสียงอะไรบ้าง แล้วหาตัวอักษรในภาษาฉบับแปลที่มีเสียงใกล้เคียงกันมาเขียนแทนเสียงนั้น
2. ภาษาทุกภาษาจะมีเสียงพยัญชนะและสระตรงกันเป็นส่วนมาก
และผู้แปลจะหาตัวอักษรมาเขียนแทนได้เลย เช่น การใช้ “ก” แทนเสียงแรกในคำว่า “Kamonwan” เป็นต้น
แต่ก็จะมีเสียงจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มีตัวอักษรที่แทนเสียงตรงกับในฉบับแปล
ในกรณีนี้ให้หาตัวอักษรตัวหนึ่งหรือ 2 ตัว
เรียงกันที่มีเสียงใกล้เคียงที่สุดมาเขียนแทน เช่น การใช้ “ง” แทนเสียงแรกของชื่อ
“Ngamjan” เป็นต้น
เสียงบางประเภทอาจจะไม่มีใช้ในอีกภาษาหนึ่งเลย
หรือถ้ามีก็จะเทียบเคียงกันไม่ได้ เช่น
เสียงหนักเบาในคำภาษาอังกฤษซึ่งไม่มีในภาษาไทย หรือเสียงวรรณยุกต์ประจำพยางค์ซึ่งมีในภาษาไทยแต่ไม่มีในภาษาอังกฤษ
กรณีเช่นนี้ก็ให้ตัดเสีย ไม่จำเป็นต้องคิดหาเครื่องหมายมาใช้ในการเขียน ดังนั้น
การถ่ายทอดเสียงของคำภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องหมายบอกเสียงหนักเบา
และไม่จำเป็นต้องใช้วรรณยุกต์เพื่อแทนเสียงสูงต่ำ
3. เมื่อกำหนดตัวอักษรใดตัวอักษรหนึ่งแทนเสียงใดเสียงหนึ่งแล้วให้ใช้ตัวนั้นตลอดไป
อย่าเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทแปลบทเดียวกันต้องใช้หลักการถ่ายทอดอย่างเดียวตลอดไป
4. ในส่วนของการยืมคำศัพท์มาใช้โดยเขียนเป็นภาษาฉบับแปล
ถ้าคำนั้นยังไม่เป็นที่แพร้หลาย ให้วงเล็บคำเดิมในต้นฉบับไว้ด้วย
และในบัญชีต่อไปนี้มีไว้สำหรับผู้แปลระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษใช้เป็นแนวทางในการถ่ายทอดอักษร
บัญชีที่ 1 การถ่ายทอดภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
โดยมีทั้งพยัญชนะและสระ
บัญชีที่ 2 การถ่ายทอดภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
ก็มีทั้งพยัญชนะและสระ
จากการศึกษา
ดิฉันได้ความรู้คือ ไม่ว่าเราจะสื่อสารกันด้วยภาษาอะไร
ล้วนเป็นการถ่ายทอดผ่านตัวอักษร
เพราะภาษาแต่ละภาษาเราล้วนจะต้องมีตัวอักษรกันทั้งนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น