วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log 10

Learning Log 10
Out class
การเรียนการสอนให้ได้ผลดีนั้น จะเหมือนกันทุกภาษาคือ ไม่ว่าเราจะเรียนภาษาอะไร สิ่งที่สำคัญ
ประการหนึ่งคือ การที่ครูผู้สอนสามารถทำให้ผู้เรียนรักภาษาอังกฤษก่อน เมื่อนักเรียนรักภาษาอังกฤษแล้ว ก็จะเรียนด้วยความไม่เครียด และจะสามารถเรียนได้ดี หลายคนบ่นว่าไม่ชอบภาษาอังกฤษ แต่อยากเก่งภาษาอังกฤษ คงจะเป็นไปได้ยากที่เราจะเก่งในสิ่งที่ไม่รัก ดังนั้นเราควรจะหาวิธีที่ทำให้ชอบภาษาอังกฤษก่อน แล้วเราก็จะเก่งภาษาอังกฤษไปเอง โดยที่เราอาจจะเริ่มจากการฟังให้รู้เรื่อง และต่อไปก็ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง เมื่อเรามีความถนัดก็จะทำให้เรามีกำลังใจในการเรียน
คำพูดที่ว่า “ทำอย่างไรให้ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง” หรือ “ทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง”
และ “ทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง” เป็นคำพูดที่คนส่วนใหญ่พูดกัน ทั้งๆที่เรียนภาษาอังกฤษกันมาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนยังต้องเสาะหาที่เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากที่ต้องเรียนในห้องเรียน และบางคนผ่านการเรียนภาษาอังกฤษจากสถาบันทางด้านภาษามาแล้วหลายสถาบัน แต่ก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ บางคนสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้ดี เข้าใจดี หรือบางคนทำคะแนนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ดี แต่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
สาเหตุที่สำคัญ คือ การฟังภาษาอังกฤษให้เก่ง กล่าวคือเราต้องพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษก่อน
และวิธีการฟังให้ได้ผลดีคือ เราต้องฟังประโยคซ้ำๆหลายๆรอบ จนขึ้นใจแล้วพูดตาม ออกเสียงให้เหมือนที่สุด อาจไม่เข้าใจความหมายหรือคำแปล เมื่อเราพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นออกมาได้แล้ว เราก็หลุดออกจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว แปลว่า เราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติ หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยคเหล่านั้น และเพิ่มประโยคภาษาอังกฤษให้มีสะสมในสมองมากขึ้น ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นให้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้แบบอัติโนมัติ
วิธีการฝึกฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลเร็ว มีเทคนิคดังนี้
1. ฝึกฟังจากเทป บทสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งบทสนทนานั้นจะต้องพูดด้วยความเร็วปกติที่
ชาวต่างชาติพูด อย่าฝึกฟังจากเทปที่พูดช้ากว่าการพูดปกติของเรา เนื่องจากจะทำให้เราเคยชินกับการฟังภาษาอังกฤษ แบบที่พูดช้าๆ และเมื่อเจอชาวต่างชาติที่พูดเร็วปกติ เราก็ไม่เข้าใจเช่นเดิม
2. การฝึกฟังครั้งแรกๆ ควรเริ่มฟังครั้งละ 5-10 ประโยค
3. ขณะที่ฝึกฟัง ต้องมี script เสมอ
4. ในการฝึกฟังแต่ละครั้ง ต้องฟังให้ได้อย่างน้อย 4 รอบ คือ
- รอบที่ 1 ฟังพร้อม script และหากเห็นว่าคำใดที่เราเคยออกเสียงไม่เหมือนเขา หรือเราฟังไม่รู้เรื่อง แม้จะมี script ให้หยุดเทป แล้วจดลงใน script ว่าเสียงที่ได้ยินคืออะไร
- รอบที่ 2 และ 3 ออกเสียงตาม
- รอบที่ 4,5,6,... ลองฟังแบบหลับตาโดยไม่มี script
5. ช่วงแรก ให้ฝึกฟังประโยคเดิมๆ ด้วยวิธีข้างต้น สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แล้วจึงค่อยๆเพิ่มจำนวนประโยคให้มากขึ้น เป็น15-20 ประโยค ต่อการฝึกฟังแต่ละครั้ง
ดังนั้น การพัฒนาทักษะในด้านการฟังภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดที่จะต้องได้รับ
การพัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก การฟังมากซ้ำๆ นอกจากจะทำให้ทักษะภาษาอังกฤษดีขึ้นแล้ว ยังทำให้สามารถพูดได้ เมื่อเราพูดประโยคเหล่านั้นออกมาได้แล้ว เราก็จะหลุดออกจากกับดักไวยากรณ์ นั่นก็แปลว่าเราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติ หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยคเหล่านั้น และเพิ่มประโยคเหล่านั้นให้มีสะสมในสมองมากขึ้น ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นให้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษแบบอัตโนมัติจากจิตใต้สำนึก โดยไม่ติดขัดอีกแล้ว
จากการศึกษานอกห้องเรียน ฉันได้ความรู้คือ ถ้าเราหมั่นฝึกฝนฟังบ่อยๆ เราก็จะสามารถ
เข้าใจภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น