ความแตกต่างทางโครงสร้างของภาษาไทยกับภาษาอังกฤษที่มีผลต่อการแปล
คำว่า โครงสร้าง
ตรงกับภาษาอังกฤษว่า structure ซึ่งโครงสร้างเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเรียนรู้ภาษาหรือการใช้ภาษา
โครงสร้างเป็นสิ่งที่บอกเราว่าเราจะนำคำศัพท์ที่เรารู้มาประกอบกันหรือเรียงกันอย่างไรจึงจะเป็นที่เข้าใจของผู้ที่เราสื่อสารด้วย
ในการแปล
ผู้แปลมักนึกถึงคำศัพท์ ปัญหาที่สำคัญและลึกซึ้ง คือ ปัญหาทางโครงสร้าง ถึงแม้นักแปลจะรู้คำศัพท์แต่ละคำในประโยคแต่หากไม่เข้าใจความสัมพันธ์ก็มีโอกาสล้มเหลวได้
การแปลระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษมีลักษณะทางโครงสร้างที่แตกต่างกันและผู้แปลควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ
มีดังนี้
1. ชนิดของคำ
ภาษาอังกฤษ
มีตัวกำหนด, นาม, กริยา, คุณศัพท์,วิเศษณ์, บุพบท และสันธาน ไม่มีลักษณะนาม
และคำลงท้าย
ภาษาไทยมีชนิดของคำทุกประเภทเหมือนภาษาอังกฤษ
ยกเว้นคุณศัพท์ และมีชนิดที่ไม่มีในภาษาอังกฤษ ได้แก่ ลักษณะนาม และคำลงท้าย
2. ประเภททางไวยากรณ์
สำหรับคำนาม
ภาษาไทยไม่มีการบ่งชี้ กาล มาลา วาจก กริยาแท้-ไม่แท้
แต่ภาษาอังกฤษมีการบ่งชี้ที่ชัดเจน
สำหรับคำกริยา
ภาษาไทยไม่มีการบ่งชี้ กาล มาลา วาจก กริยาแท้-ไม่แท้
แต่ภาษาอังกฤษมีการบ่งชี้ที่ชัดเจน
3.
หน่วยสร้างหรือรูปประโยค
3.1 นามวลี
• ภาษาอังกฤษมีตัวกำหนดแบบบังคับ
• ภาษาไทยตัวกำหนดจะมีหรือไม่มีก็ได้
3.2 การวางส่วนขยายในนามวลี
• ภาษาอังกฤษจะวางส่วนขยายไว้ข้างหน้าส่วนหลัก
• ภาษาไทยจะวางส่วนขยายไว้ข้างหลังส่วนหลัก
3.3 หน่วยสร้างกรรมวาจก
• ภาษาอังกฤษมีรูปแบบที่ชัดเจน
คือ ประธาน/ผู้รับการกระทำ + กริยา
• ภาษาไทยมีหลายรูปแบบ
และไม่จำเป็นที่จะต้องแปลหน่วยสร้างกรรมวาจกภาษาอังกฤษเป็นกรรมวาจกไทยเสมอไป
3.4 ประโยคเน้นประธานกับประโยคเน้นเรื่อง
• ภาษาอังกฤษจะเน้น subject
• ภาษาไทยจะเน้น topic
3.5 หน่วยสร้างกริยาเรียง
• มีในภาษาไทยแต่ไม่มีในภาษาอังกฤษ
ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ประกอบด้วยกริยาตั้งแต่สองคำขึ้นไป
หากผู้แปลตระหนักในความสำคัญของความแตกต่างทางโครงสร้างในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ผู้แปลจะมีปัญหาในการแปลน้อยลง
และผลงานที่แปลจะใกล้เคียงกับลักษณะภาษาแม่ในภาษาเป้าหมายมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น